คัพท์ญี่ปุ่นน่ารู้เมื่อต้องสั่งของออนไลน์

Posted on by

นับเป็นเวลากว่าเดือนนึงให้แล้วหลังจากโพสครั้งล่าสุดของฉัน ซึ่งเวลานั้นก็ได้ผ่านไปเรื่อยๆ

จนคิดไปพลางๆในใจว่า นี่เราได้ปล่อยเวลาเปล่าๆ ไปเล่นๆ เฉยๆ หรือเปล่านี่

ค่ำนี้ฉันได้ลองชิมข้าวแกงกะหรี่ชนิดหนึ่ง เรียกกันในภาษาญุี่ปุ่นว่า カレーライス, หรือ  “kare raisu”  มันเป็นข้าวแกงกระหรี่ที่ดูคลับคล้ายคลับคลากับสตูล โดยจะออกมีสีน้ำตาลผสมด้วยสีส้มและสีเหลืองจากแครอทและมันฝรั่ง ร่วมด้วยเนื้อสัตว์ควบคู่กัน โดยทั้งนี้เราสามารถเลือกความเผ็ดได้ตั้งแต่ “รสกลมกล่อม” ไปจนถึง “เผ็ดร้อน”  ถึงแม้คุณอยากจะลองชิมรสแกงแบบแซบๆ เลยอยากจะเลือกลองระดับหลังดูแต่ก็อย่าห่วงเลยคะ มันไม่ได้ ”เผ็ดร้อน” หรือแซบเหมือนดั่งอาหารไทยอย่างแน่นอน

ฉันพบว่าข้าวแกงกะหรี่เป็นอาหารชนิดหนึ่งที่แสนน่าหลงไหล ถึงแม้ฉันจะได้เคยชิมมาบ้างตอนอยู่ที่บ้านของดิฉันก่อนจะมาจับพลูอาศัยที่ญี่ปุ่นนี้ ด้วยเหตุนี้ทำให้การทำกับข้าวหลายๆ ครั้งของฉันนั้นจึงติดความเป็น “ญี่ปุ่น” เข้าไปมากขึ้น โดยฉันได้ลองทำสูตรของตัวเองโดยอาศัยรสชาติแกงกะหรี่อร่อยๆ ทั่วประเทศที่เคยได้ไปชิมมาเป็นตัวอย่าง

ค่ำคืนครึ่มๆ แสนแฉะในเดือนมีนาคมวันนี้ นับว่าเป็นวันดีที่ทุกคนจะได้ลิ้มรสชาติแกงกะหรี่ฝีมือฉันเป็นอาหารเย็น ราวห้าโมงเย็นวันนี้ ฉันก็ได้เริ่มเตรียมหั่นกระเทียมแล้วนำไปผัดให้ร้อนไว้ก่อน ระหว่างนั้น ฉันก็ได้สับขิงและกระเทียมและเครื่องปรุงอื่นๆ เตรียมรอไว้เช่นกัน เมื่อกระเทียมเริ่มละลายที่กระทะแล้ว ฉันจึงเติมขิง กระเทียม ตามด้วยน้ำและน้ำสต๊อก ผสมเข้ากับเนื้อสัตว์และเครื่องปรุงเล็กน้อยเพิ่มเข้าไป เสร็จออกมาแล้วมันก็ดูน่ากินทีเดียวล่ะ ชั่วโมงนึงหลังจากนั้น ฉันก็เริ่มเตรียมอบไก่แช่แข็งที่ได้เตรียมเอาไว้เริ่มมาอุ่นให้ร้อนซะ ระหว่างนั้นฉันก็คุยกับสามีจนเพลิน จนทำให้ลืมไปว่าฉันนั้นได้ตั้งเตาตบไว้ที่อุณหภูมิสูงสุดไว้  ในระหว่างรอแบบไม่รู้ตัวนี้ฉันก็หาอ่านบล็อกเกี่ยวกับอาหารอ่านไปเรื่อยๆ ฆ่าเวลาไปพลางๆ แบบไม่รู้ตัว

ประมาณ 20 นาทีผ่านไป เสียงเตาก็ดังลั่นขึ้น ฉันจึงรีบวิ่งมาที่เตาทันทีด้วยความเร่งรีบและพลาดของฉันเองทำให้ฉันนึกได้ว่าไปว่า ได้ตั้งความร้อนไว้ที่ระดับสูงสุดเอาไว้ เมื่อรีบเปิดฝาเตาอบออกมาแบบรีบๆ จนเกือบจะเผามือตนเอง จนเมื่อเห็นผลงานของตนเองนั้นล่ะก็อาจเรียกได้ว่า มันแย่ยิ่งกว่า เพราะไก่ที่อบนั้นดำติดถาด เนื่องจากไฟที่แรงไป เมื่อเห็นผลงานล้ว ฉันจึงเริ่มร้องไห้ พร้อมคร่ำควรญว่า “นี่มันดูโง่มากเลยใช่ไหม” โง่แค่นี้ยังไม่พอ ยังได้แผลเพิ่มเข้าไปที่มือเพิ่มเข้าไปอีก (แบบไม่ได้ตั้งใจ) เมื่อผลการทำอาหารออกมาเป็นอย่างนี้ สามีฉันปลอบใจฉันเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่พักนึง แล้วสุดท้ายเราก็ลงเอยด้วยการไปกินข้าวนอกบ้านแทน   หลังจากนั้นเมื่อกลับบ้านมาฉันก็เริ่มลองทำใหม่อีกครั้ง โดยให้สามีของฉันจัดการเรื่องทำความสะอาดหม้อเตาของวีรกรรมครั้งก่อนเอาไว้ ด้วยการที่เข้าครัวครั้งใหม่นี้ทำเพลินจนตัวเองเมื่อลื่นล้มในครัว จะทำไงได้ก็คนมันรีบนี่น่า?

ในที่สุดผลที่ออกมานั้นก็ดูดีทีเดียว ซึ่งมันจะดูน่ากินมากกว่านี้หากฉันใช้เวลาปรุงเพิ่มอีกสักนิดนึง แต่อย่างว่าล่ะ มันก็ยังอร่อยอยู่นะ

คนที่นี้บางครั้งมักประหลาดใจในตัวฉันว่าฉันทำอะไรได้มั่งในประเทศนี้ นับตั้งแต่ฉันเริ่มย้ายมาอยู่ที่ประเทศนี้แบบไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น แต่เพราะด้วยแรงกำลังใจและการแก้ไขปัญหาที่ดี ฉันจึงเริ่มที่จะค้นหาความรู้ใหม่ๆ  ในเรื่องสูตรอาหารหรือจำพวกวัตถุดิบ ขยันแบบว่าซะยิ่งกว่าตอนอยู่ที่บ้านฉันเองซะอีก ด้วยความที่ฉันนั้นชอบอ่านเรื่องบล็อกอาหารอยู่เป็นนิตย์ ชอบอ่านจนเป็นเหมือนดั่งงานอดิเรกใหม่ของฉันเลยนับตั้งแต่มาอยู่ที่นี้ คอยค้นหารูปหรือสูตรอาหารอร่อยๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอแล้วลองทำตามดู จนบางครั้งสามีก็ชอบแซวฉันว่า เราสองคนนั้นเคยไปกินร้านนอกบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อไรกัน

ไม่กี่วันก่อนฉันได้เอาอัลมอนด์ไว้ประมาณนึงจากซีแอตเติลบ้านของฉันเมื่อครั้งกลับบ้านในช่วงคริสมาสต์ เมื่อมานี่ฉันหาวิธีซื้ออัลมอลต์ถูกๆ ในประเทศนี้บ้าง จึงพบว่า Tengu Natural Food นั้นเป็นคำตอบ แต่ดูเหมือนว่าถ้าคุณซื้อในปริมาณน้อยๆ ล่ะก็  มันก็จะแพงอยู่ดี อีกทั้งในเว็บ Flying Pig ก็มีเหมือนกัน แต่ดูเหมือนที่นี้จะเป็นของนอกมาจากเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้คุณนั้นจำเป็นซื้อสินค้าอย่างน้อยสามชิ้นขึ้นไปในหมวด “Personal import(ของนำเข้าส่วนตัว)” ถึงจะซื้อได้ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะหากว่าคุณนั้นอยากจะสั่งถั่วอัลมอลต์มาทั้งสามถุงขั้นต่ำพอดี (ถุงละประมาณ 9 ถ้วยตวง) หรืออย่างอื่นเพิ่มเข้าไปอีกก็ไม่ว่า แต่ทั้งนี้นั้นฉันพบว่า ในเว็บ Amazon Japan นั้นกลับดูน่าสนกว่าสำหรับฉัน เมื่อฉันเลือกตอนขั้นตอนการส่งในเว็บไซด์ ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องเทศ สมุนไพร ผักผลไม้ มากมายให้เลือกส่ง ด้วยเว็บนี้ทำให้ฉันได้รู้อีกว่า ถั่วอัลมอนต์นั่นมีราคาจัดส่งที่ถูกที่สุดที่สุดถ้าคุณซื้อเป็นกิโลกรัม ซึ่งราคา

ค่าจัดส่งก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายนัก อีกทั้งยังมีวิธีการเลือกจ่ายแบบเก็บเงินที่ปลายทางอีก ด้วยเหตุนี้ฉันจึงอุดหนุนไป แล้วรอแทบไม่ไหวที่จะได้ทำกราโนล่าซะที

แม้ในหลายๆ เว็บจะมีตัวเลือกสองภาษาให้เลือกใช้ แต่บางครั้งนั้นอาจไม่มีตัวเลือกดังกล่าว การสั่งซื้อ โต้ตอบรายการเป็นภาษาญี่ปุ่นจึงเป็นเรื่องที่ควรรู้ไว้ ไม่เฉพาะแค่เว็บไซด์สั่งซื้ออาหารเท่านั้น แต่เว็บอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าการมีโปรแกรมแปลภาษาหรือดิสชั่นนารี อังกฤษ-ญุี่ปุ่น ติดตัวไว้ย่อมช่วยคุณได้เสมอๆ แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือคำศัพท์เด็ดๆ ง่ายๆ  ที่คุณควรรู้ไว้ เมื่อต้องทำการสั่งของออนไลน์

 

レジ (reji – register ; การลงทะเบียน) – มักจะเห็นคำนี้ ตรงตระกล้ารถเข็น เมื่อคุณต้องสั่งของ

進む (susumu – ขั้นต่อไป, ไป) – โดยปรกติมักจะใช้คำว่า “reji”. レジへ進む หรือ レジに進む.

送料 (souryo – การขนส่ง) – ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการขนส่ง

合計 (goukei – ทั้งหมด) – ราคารวมทั้งหมด, โดยปรกติมักหมายถึงในส่วนของการจัดส่งด้วยเช่นกัน

配送日 (haisou nichi – วันรับสินค้า) – คุณสามารถเลือกวันที่จะรับสินค้าได้ (หรือปล่อยไว้เป็นค่าเริ่มต้นไว้อย่างนั้นก็ได้ถ้าคุณไม่อยากเจาะจง)

配送時間帯 (haisou jikantai – ช่วงเวลาที่จะรับสินค้า) – คุณสามารถเลือกช่วงเวลาที่จะรับของได้ (หรือปล่อยไว้เป็นค่าเริ่มต้นไว้อย่างนั้นก็ได้ถ้าคุณไม่อยากเจาะจง)

クレジットカード (kurejito kaado – บัตรเครดิดการ์ด) – กรอกหมายเลขบัตรเครดิดการ์ดของคุณ เมื่อถึงช่วงขั้นตอนของการจ่ายเงินค่าสินค้า

代金引換 or 代金引替 (daikin hikikae – การคิดเงินแบบเก็บเงินปลายทาง) – เลือกคำนี้เมื่อคุณต้องการให้ชำระสินค้าแบบเก็บเงินปลายทาง

振り込み (furikomi – การโอนเงิน) –  เลือกคำนี้เมื่อคุณต้องการการชำระโดยการโอนเงินระหว่างธนาคาร

コンビニ (konbini – จ่ายเงินผ่านร้านสะดวกซืื้อใกล้บ้าน) – เลือกคำนี้เมื่อคุณต้องการชำระค่าสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านคุณ

แน่นอนว่าในท้ายสุดนี้เมื่อต้องสั่งของออนไลน์ก็อย่าลืมที่จะ กรอกชื่อ ที่อยู่ หรือหมายเลขโทรศัพท์ ด้วยทุกครั้งนะคะ ซึ่งขั้นตอนนี้บางเว็บอาจต้องให้คุณกดปุ่มสักสองสามคลิกเพื่อ “ยืนยัน”หรือ“ดำเนินการต่อ” เพื่อให้จบขั้นตอน หรือ บางเว็บนั้นคุณจำเป็นต้องสมัครสมาชิกด้วยเช่นกัน หวังว่าคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้การสั่งซื้อของออนไลน์ของคุณในประเทศนี้ได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

Comments are disabled