หลากหลายบริษัทในภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นนั้นดูเหมือนเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานอย่างหนักขึ้นในประเทศในรอบหลายศตวรรษ ซึ่งทั้งนี้หลายๆ บริษัทนั้นต่างก็หาวิธีแปลกๆ มาใช้ในการรับคนเพิ่มเข้าทำงานไปในส่วนที่ขาดแคลนอย่างเร่งรีบ
ทำงานในญี่ปุ่น
เมื่อเร็ว ๆ นี้ญี่ปุ่นมีงานจำนวนมากสำหรับชาวต่างชาติรวมถึงคนไทย
https://www.careerlink.asia/
ทำงานบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย
https://www.careerlink.co.th/category/ภาษาญี่ปุ่น/154
ด้วยวิธีแปลกๆ อย่างเช่น การรับสมัครเหล่าแม่บ้านหรือคนที่เกษียนไปแล้วให้กลับมาทำงานอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการชักจูงด้านรายได้ที่ให้มากกว่าแต่ก่อน ซึ่งบางที่นั้นก็เหล่านายจ้างก็ยังยอมข้อเสนอต่างๆ ให้กับคนเหล่านี้ เพื่อที่จะต้องยอมให้พวกเขากับเข้าทำงานอีกครั้งนึง อย่างเช่น ยอมลดเวลาเข้างานลง หรือ ยอมลดการขยายแผนงานในอนาคตของบริษัทอื่นๆ เช่นเดียวกัน เป็นต้น
ถึงแม้ประเทศญี่ปุ่นเองจะมีเปอร์เซ็นต์ของผู้ว่างงานของผู้มีอายุต่ำกว่า 23 ปี อยู่ที่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา อันเนื่องจากเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของประเทศมาแต่ก่อนและจากเหล่าคนวัยทำงานที่ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านี้จะเริ่มแก่ตัวมากยิ่งขึ้นซึ่งมีเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ทำให้ประชากรส่วนมากของประเทศนี้กลายมาเป็นสังคมผู้สูงอายุในที่สุด
และเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ธนาคาร “Tankan” ซึ่งเป็นธนาคารหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นได้ทำการสำรวจในเรื่องของคนงานในรอบไตรมาสของปี ซึงผลลับแสดงออกมาว่า อัตราส่วนของการขาดคนงานนั้นมีมากกว่าปลดคนงานซะอีก โดยสถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วเมื่อปี 1992 แต่ครั้งนี้มากลับดูแย่กว่าซะอีก
และด้วยวิกฤตการขาดคนงานเช่นนี้ย่อมจะส่งผลให้เกิดการชะลอตัวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมด่วยภาคส่วนอื่นๆ ก็จะได้รับผลกระทด้วยเช่นกัน โดยท้ายสุดแล้วนี่จะทำให้ประเทศญี่ปุ่นนั้นสูญเสียช่วงโอกาสต่างๆ ทางเศรษฐกิจต่อไปในอีกอนาคตได้
อย่างที่เคยเกิดขึ้นอย่างเช่น ในห้าง Sun Mall ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของกรุงโตเกียว ด้วยเหตุวิกฤตการขาดคนงานในประเทศนี้ทำให้ ผู้เช่าหลายรายนั้นลดขนาดของร้านลง หรือ มีแม้แต่ปิดตัวลงไปเนื่องจากหาพนักงานมาทดแทนไม่ได้ และยังมีอีกถึงกลับว่า ร้านสปาแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดในอีกไม่กี่เดือนต่อจากนี้ ได้เลื่อนกำหนดการเปิดออกไปอีกไกล เนื่องจากปัญหาการขาดคนเช่นเดียวกัน ข้อมูลโดยคุณ เซต ซัลคิน (Seth Sulkin) ประทานบริษัทและซีอีโอของห้างดังกล่าวได้กล่าวถึงเหตุการณ์ผลกระทบของวิกฤตนี้กับทางเรา
ทั้งนี้เขายังได้กล่าวผลกระทบจากนี้อีกว่า “และดูเหมือนว่าจำนวนคนที่กำลังหางานพาร์ทไทม์นั้นจะลดลงอย่างรวดเร็วลงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเขตนอกเขตกลางเมืองโตเกียวเป็นจำนวนมาก” เขายังกล่าวต่ออีกว่า “ถึงแม้เราเปลื่ยนตำแหน่งให้เป็นพนักงานประจำแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ไม่สนใจแต่อย่างใด”
“แต่ก่อนในโตเกียวนี่เราหาคนทำงานได้เสมอ แต่ตอนนี้มันไม่ง่ายเหมือนอย่างนั้นแล้ว เช่นที่เกิดขึ้นในห้างของเราอย่างห้างชิบะ ซึ่งผมว่ามองว่าปัญหาของมัน คือ สถานที่ที่ตั้งนั่นล่ะ คือ มันมีคนอยู่น้อยเกินไปตอนนี้”
ตั้งแต่แม่บ้านยันคนเกษียณ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้ตอนนี้กำลังต้องการรับทุกคนที่อยากจะทำงาน ณ ตอนนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด ถึงขนาดที่ว่าบริษัทหลายๆ บริษัทนั้นต้องหาผู้สมัครประเภทใหม่ๆ กันเลยทีเดียวเชียว
อย่างเช่นร้านแมคโดนัลและแฟมิลี่มาร์ทของญี่ปุ่นนั้น ต่างต้องการหาแรงงานใหม่ๆ อย่างเร่งด่วน ด้วยการตั้งเป้าพนักงานใหม่ที่นอกเหนือจากคนหนุ่มสาว โดยการตั้งเป้าให้เปิดรับสมัครแม่บ้านมาทำงานพาร์ทไทม์กันให้มากยิ่งขึ้น
จากการสำรวจแบบสอบถามวิจัยสำหรับแม่บ้านทั้ง 4000 คนของประเทศนี้มี ซึ่งมีมากกว่าครึ่งนั้นอยากที่จะทำงานแต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีงานรองรับหรือเหมาะสมสำหรับพวกเธอได้ และพวกเธอก็ยังกังวลเกี่ยวกับเวลาในการทำงานที่อาจส่งผลกระทบกับหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆ ที่บ้านได้
ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายๆ บริษัทได้ปรับปรุงเงื่อนไขการทำงานของพนักงานของตนให้ดึงดูดน่าสนใจให้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นที่ บริษัท เดาเตอร์ นิชเชียร์ส โฮลดิ่ง จำกัด (Douter Nichires Holdings Co ltd), ได้ให้มีการจ่ายเงินชดเชยสำหรับพนักงานชั่วคราวด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องปรกติเลยในประเทศนี้ ที่จะมีบริษัทยอมทำเช่นนี้ในประเทศที่มีความแตกต่างกันมากเหลือเกินระหว่างพนักงานประจำและถาวร
ร้านอาหารบางร้าน อย่างเช่น บริษัท รอยัล โฮลดิ่ง จำกัด (Royal Holdings Co ltd) หรือ แมคโดนัลในประเทศนั้น เริ่มที่จะยกเลิกการบริการตลอดทั้งวันแล้ว แต่บางบริษัทก็ยังยึดถือมั่นและยังคงภูมิใจที่ยังเปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้ลูกค้าทุกคนและทุกเวลานั้นยังใช้บริการอยู่ แม้ในวิกฤตเช่นนี้ก็ตาม
และผลสำรวจจากรอยเตอร์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายังบอกเราอีกด้วยเช่นกันว่า บริษัทมากกว่า 80 % นั้นเห็นว่าวิกฤตการขาดคนงานตอนนี้จะส่งผลให้การบริการต่างๆ ทีืกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นจำเป็นต้องลดลงไปเพื่อรับมือวิกฤตดังกล่าว ซึ่งก็มีความพยายามบ้างเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้โดยเปิดการคิดการแก้ปัญหาร่วมกันแต่ผลลัพธ์ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรได้มากเท่าไรนัก
เดือนมีนาคมที่ผ่านมานั้น บริษัทจัดหางานอย่าง Fullcast Holdig Co Ltd ได้ตั้งเป้าหมายว่าต้องมีผู้หางานที่อายุมากกว่า 60 ปีให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็มีแล้วอยู่ถึง 2000 คนด้วยกันที่ได้ลงประวัติกับทางเราแล้ว ซึ่งบริษัทหลายๆ ที่นั้นก็ดูว่าจะหางานที่เหมาะสมกับพวกเขาไม่ได้เลย คุณยาซึฮิโร ซูมิ ประทานบริษัทดั่งกล่าวได้บอกกับเราไว้ เขายังกล่าวต่ออีกว่า “ถ้ามีตำแหน่งงานสักที่ ที่ใกล้บ้านและทำงานน้อยๆ สำหรับพวกเขาให้เลือกแล้วล่ะก็ เรามีผู้สมัครที่เหมาะสมเพียบเลยล่ะ” เขากล่าว
หลายบริษัทเลยเมื่อเกิดวิกฤตเช่นนี้ก็ลังเลที่จะขึ้นค่าแรงแก่พนักงานของตน เพราะพวกเขาก็ไม่อยากไปเก็บกับราคาสินค้าที่ต้องต้องเพิ่มขึ้นตามด้วยเช่นกัน ซึ่งพวกลูกค้าต่างก็คุ้นเคยกับราคาคงที่แบบนี้มานานเกือบสองทศวรรษแล้ว
“ดูเหมือนว่าการแก้ปัญหาการขาดคนอย่างมาก ณ ตอนนี้ ด้วยการเพิ่มค่าสินค้า ค่าแรงต่างๆ นี้คงไม่ใช่วิธีแก้ไขอย่างถูกวิธีหรอกครับ” กล่าวโดย คุณฮิเดะโอะ คุมาโนะ (Hideo Kumano) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันวิจัยไดอิจิ (Dai-ichi Life Research Institute)